ริ คาแฟ ที่สอดแทรกเรื่องราวความสนุกความทรงจำในวัยเด็ก เราสามารถหยิบจับของเล่นต่าง ๆ มาถ่ายรูปได้ ( แต่ห้ามหยิบกลับบ้านเด่อ ) แต่วันนี้ผมนัดน้องในทีมมาคุยงานกัน พอดีอยากหาคาเฟแบบใหม่ ๆ ดูบ้าง ก็มาเจอร้านนี้จากเว็บไหนสักแห่งที่แนะนำร้านสามารถจุคนได้รวม ๆ กันไม่น่าจะ 8-10 กลุ่ม ฉะนั้นถ้าไปควรจองไว้สักนิด แต่ผมไปนี่ Walk-in โชคดีได้ที่นั่งพอดี ถ้าอยากถ่ายภาพเยอะ ๆ แนะนำให้มาเร็ว ๆ ไม่ก็มาวันธรรมดา ผมไปวันเสาร์อาทิตย์ก็จะมี ลูกค้าเยอะทีเดียว พอดีว่าตรงนี้มีแดด ก็เลยไม่มีคนนั่ง
แต่ละมุมก็มีของเล่นต่าง ๆ มากมาย คือถ้าผมมาแบบไม่ได้มาคุยธุระงาน คงใช้เวลาถ่ายรูปของทีละชิ้น นั่งดูทีละอันคงสนุกน่าดู
เข้าใจถึงความตั้งใจใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของสิ่งต่าง ๆ คือเจ้าของก็ต้องรักอะไรพวกนี้จริง ๆ ถึงจะทำได้ ไม่งั้นคงจะแค่เอาดินสอมากอง ๆ แล้วจบกัน
ผมลืมถ่ายบริเวณเคาเตอร์ออเดอร์มาครับ แต่จะเล่าให้ฟังว่า เข้ามาก็เลือกเมนู จะมีพนักงานและเจ้าของร้านมาแนะนำเมนูให้ เพราะบางอันก้งงครับว่าคืออะไร แต่เห็นสวย ก็น่าสั่งไปซะหมด จากนั้นจะขอชื่อเล่นเรา เพื่อเรียกเมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว พอเราไปรับน้ำก็แอบตกใจนิดนึงเพราะว่า จัดมาในถาดที่สวยงาม มันไม่ใช่แค่วางแปะ ๆ แต่มันต้องเข้าใจองค์ประกอบ้วย ผมว่าเขาดูลักษณะคนสั่งด้วยแหละ ว่าเป็นอย่างไร ถ้าผมไม่มโนไปเองนะ เพราะว่าผมเห็นคนอื่น ๆ สั่งก็จะได้ถาดที่แตกต่างกันไป
ผมว่าจุดตรงนี้แหละ ทำไให้การมาทุกครั้งเราก็จะได้รูปที่แตกต่างแล้วอยากมาอีกเพื่อลุ้นว่าจะได้ถาดเป็นรูปอะไร ฉะนั้นผมแนะนำว่ามาที่นี้ไม่ควรสั่งลับบ้าน สำหรับราคาของเมนูนั้น ถามว่าแพงว่าร้านขายทั่วไปไหมก็ต้องบอกว่าไม่ได้แพง แต่สูงกว่าจริง แต่ก็นิดหน่อย เมื่อเทียบกับการได้อะไรแบบนี้ มันเรียกว่าซื้ออารมณ์ การเสพศิลปครับ สำหรับในภาพที่เห็นคือ 90 บาท เป็นโซดามะม่วง ( มันมีชื่อหรู ๆ นะ แต่ผมลืม ลืมถ่ายเมนูมาด้วย )
ด้วยบรรยากาศแบบนี้ มันช่างเหมาะกับการมานั่งสร้างสรรงานศิลปะยิ่งนัก บรรยากาศมันใช่มาก ๆ ถ้าใครเป็นเด็กโข่งแบบผมนั่งแล้วจะอมยิ้ม อะวาดรูปน้องหมา 1 ตัว
ผมถ่ายบรรยากาศรอบ ๆ ร้านอย่างเกรงใจแต่ว่าก็ติดคนอื่น มีถาพนี้ที่ติดคนอื่นน้อยหน่อย มีหลายมุมนะครับ ให้เลือกนัั่ง มีของตกแต่งไม่ซ้ำกัน แนะนำว่าให้โทรมาจองที่ก่อนเขาจะได้จัดเตรียมที่นั่งไว้ให้ ส่วนด้านบนเขาจัดทำเป็น workshop ซึ่งน่าจะมีกิจกรรม Workshop ให้ทำนะ แต่ผมไม่ได้สอบถาม ขออภัย
ผมได้สั่งขนมเพิ่มมาอีกชุด อันนี้เป็น โทสต์เบอรี่มิกซ์ <– จำชื่อไม่ได้ แต่ชื่อประมาณนี้ ใน set ก็มีขนมปังโทสต์หนา ๆ และมีซอสเบอรี่ ( ขนมปังบัง ) แล้วก็วิปครีม พร้อมกับไอติม ราคา set นี้ 145 บาทครับ ก็กินกัน 2 คน ก็กำลังอิ่มพอดี ๆ
มาครับลุยดูช้อนที่นี่สิ อนุบาลหมีน้อยมาก ๆ แต่มันเข้ากันดีครับกับบรรยากาศแบบนี้
จบกับ 2 เมนูที่รีวิวในวันนี้ อย่างที่บอกผมมานั่งคุยงานเฉย ๆ ก็เลยไม่ได้รีวิวละเอียดมากนะครับ ไว้ไปครั้งหน้า สำหรับรสของเมนูที่สั่ง ผมว่ากลาง ๆนะ คือมันไม่ได้ Wow อร่อยจังเลย แต่ก็คืออร่อยแบบได้มาตรฐานที่ควรจะเป็น แต่ที่มันดีคือ มันสร้างการจดจำ มี Touch point ของสิ่งต่าง ๆ ให้เราลองนึกภาพสิครับ เราไปร้านกาแฟ เราจำเมนู ( ไม่ได้หมายถึงชื่อเมนูนะ ) หน้าตาเมนูนั้น ๆ ประสบการณ์ของเมนูนั้น ๆ ได้หรือเปล่า ? ถ้ามาที่นี่ผมว่าคุณจำได้แน่ เพื่อน ๆ เห็นอะไรไหมครับที่เขาถามชื่อเราไป เขาไม่ได้เขียนมาข้าง ๆ แก้ว แค่ว่าเขาจัดชื่อมาให้ในถาดด้วย doi ชื่อผมเอง ตอนแรกก็ว่าอยู่จะเอาคำสะกดไปทำไม คราวหน้าจะมอกเขาว่าชื่อ “ณเดชคิกๆสะระนังเฟี้ยวฟ้าวมะพร้าวแก้ว” ดีกว่า 🙂
อีกเรื่องที่ต้องชมคือ พนักงาน และเจ้าของร้าน น่ารักเป็นกันเอง ดูสบายใจ เหมือนมาบ้านเพื่อน เพราะว่าผมไปร้านคาเฟ่สวย ๆ บางที่ เราเกรงไปหมด บางทีสายตาเหมือนจับผิดตลอดเวลาว่าเราจะทำโน้นนี่พังไหม หรือเรานั่งนานไปไหม แต่อันนี้ชิล ๆ เลยครับ แล้วมันทำให้รู้สึกดี
ลองไปกันดูนะครับกับร้าน ริ ผมว่าไม่ผิดหวัง สำหรับคนที่มารถไฟฟ้าต้องต่อรถสาธารณะเข้ามานะครับ ถ้าเดินคือ แอบมีเหนื่อย ส่วนใครเอารถมาเอง ก็มีที่จอดของร้าน และ Studio ข้าง ๆ ให้ แต่ก็ไม่เยอะมาก ยังไงลองโทรเช็คที่จอดพร้อมสำรองที่นั่งก่อนก็ได้
สำหรับพิกัดของร้าน ก็ตามด้านล่างนี้เลย อยู่ในซอยลาดพร้าว 18 แต่เวลาเข้ามาผมแนะนำให้เข้าซอย 26 หากนั่งรถไฟฟ้า MRT มานะ